fbpx

ในหนึ่งวัน ดื่มกาแฟได้กี่แก้ว ?

ดื่มกาแฟได้กี่แก้ว อาจเป็นคำถามในใจของคอกาแฟหลาย ๆ คน เนื่องจากใครหลายคนอาจจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยกาแฟกลิ่นหอม ๆ สักแก้ว ด้วยรสชาติขม อมเปรี้ยว หรือบางคนก็เติมหวานให้ละมุน พร้อมกลิ่นที่อบอวลที่เป็นเอกลักษณ์จะช่วยเติมพลังและความตื่นตัวของเราให้พร้อมกับการทำงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ในวันนั้นได้อย่างเต็มที่ จนถึงขั้นที่ในบางคนอาจจะรู้สึกว่าไม่สามารถขาดกาแฟไปได้

ไขความลับของ กาแฟ 

กาแฟ ถือเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีส่วนช่วยให้เรารู้สึกตื่นตัว ไม่ง่วง พร้อมกับการทำงาน โดยกาแฟจะมีสารที่มีชื่อว่า “คาเฟอีน” ซึ่งเป็นสารที่มีหน้าตาคล้ายกันกับ อะดีโนซีน หรือสารที่ทำให้เรารู้สึกง่วงนอน อ่อนเพลียนั่นเอง ดังนั้นการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างกาแฟจึงทำให้สารอะดีโนซีนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เราจึงไม่รู้สึกอ่อนเพลียหรือง่วงนอนนั่นเอง ทั้งนี้คาเฟอีนยังอาจไปกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนได้อีกด้วย จึงทำให้บางครั้งอาจเกิดอาการใจสั่น มือสั่นได้ แต่โดยส่วนใหญ่มักจะพบอาการเหล่านี้ได้ในผู้ที่ดื่มกาแฟมากเกินไปนั่นเอง 

และนอกจากกาแฟจะช่วยให้เรารู้สึกตื่นตัวได้แล้ว ยังได้มีการศึกษาอื่น ๆ เพิ่มเติมมากมายเพื่อูค้นคว้าถึงประโยชน์เพิ่มเติมจากกาแฟต่อร่างกาย ซึ่งจากการศึกษาได้พบประโยชน์ ดังนี้ 

  • กาแฟ 1 แก้ว (คาเฟอีน 80 กรัม) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับรถได้ในคนที่ขับรถเป็นระยะเวลานาน โดยทำให้สามารถรักษารถอยู่ในเลนของตนเองได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ  
  • การดื่มกาแฟเพิ่มขึ้นวันละ 1 แก้วสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ โดยพบว่าสามารถลดมะเร็งตับได้ถึง 15% และยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังบางชนิดได้อีกด้วย 

หนึ่งวันจะ ดื่มกาแฟได้กี่แก้ว

สำหรับปริมาณกาแฟที่แนะนำให้สามารถดื่มได้ในแต่ละวันนั้น จะขึ้นอยู่กับปริมาณคาเฟอีนภายในกาแฟแต่ละชนิด ซึ่งจะมีปริมาณดังนี้ 

  • กาแฟดำ 1 แก้วมีคาเฟอีน 80 มิลลิกรัม (กาแฟดำ 1 ช้อนชา) 
  • กาแฟสำเร็จรูปแบบซอง 1 ซองมีคาเฟอีน 80 มิลลิกรัม 
  • กาแฟสด 1 แก้วมีคาเฟอีน 100 มิลลิกรัม 
  • กาแฟกระป๋อง 1 กระป๋องมีคาเฟอีน 150 มิลลิกรัม 

ซึ่งในแต่วันเราไม่ควรได้รับคาเฟอีนมากกว่า 300 มิลลิกรัม หรือถ้าเทียบเป็นการดื่มกาแฟก็คือ ดื่มกาแฟดำหรือกาแฟซองได้ละวันละ 3 – 4 แก้ว หากเลือกเป็นกาแฟสดแนะนำที่ไม่เกิน 3 แก้ว และกาแฟกระป๋อง ไม่เกินวันละ 2 กระป๋อง แต่ในมุมมองของนักกำหนดอาหาร ขอแนะนำให้ดื่มกาแฟเพียงวันละ 2 ครั้ง คือในช่วงเช้าและช่วงบ่ายก็เพียงพอแล้ว และนอกจากนี้ก็ต้องระวังการได้รับคาเฟอีนจากอาหารหรือเครื่องดื่มอื่น ๆ เช่น ชาเขียว ช็อกโกแลต เป็นต้น ด้วย เพราะหากเราได้รับคาเฟอีนมากกว่าปริมาณที่แนะนำ อาจทำให้เกิดอาการใจสั่น นอนไม่หลับ และกระวนกระวาย นอกจากนี้ สำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพราะอาจก่อให้เกิดการแท้งได้ ตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าในหนึ่งวันจะ ดื่มกาแฟได้กี่แก้ว

ดังนั้นในหนึ่งวันเราควรดื่มกาแฟแค่ 2 แก้วในช่วงเช้า 1 แก้วและช่วงบ่าย 1 แก้ว เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับใครที่ชอบดื่มกาแฟเป็นประจำ การดื่มกาแฟมากกว่าวันละ 2 แก้วอาจจะไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกใจสั่น เพราะร่างกายอาจเกิดความเคยชินกับปริมาณของคาเฟอีนที่ได้รับเป็นประจำ แต่เพื่อสุขภาพที่ดีเราก็ไม่ควรได้รับปริมาณคาเฟอีนที่มากเกินกว่า 300 มิลลิกรัม และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเป็นการเติมพลังให้พร้อมในการทำงานแต่ละวัน 

สอบถามเพิ่มเติม Add Line ปรึกษานักกำหนดอาหาร

ดูแลสุขภาพของคุณให้ถูกวิธี

โปรแกรมปรึกษานักกำหนดอาหารคืออะไร ?

พร้อมรับคำปรึกษาจาก

นักกำหนดอาหารวิชาชีพ

ไม่พลาดบทความด้านโภชนาการ

ของ อีทเวลล์คอนเซปต์ ก่อนใคร

อ้างอิง 

  1. Mets, M., Baas, D., van Boven, I., Olivier, B., & Verster, J. (2012). Effects of coffee on driving performance during prolonged simulated highway driving. Psychopharmacology, 222(2), 337–342. https://doi.org/10.1007/s00213-012-2647-7 
  1. Cappelletti, S., Piacentino, D., Sani, G., & Aromatario, M. (2015). Caffeine: cognitive and physical performance enhancer or psychoactive drug?. Current neuropharmacology, 13(1), 71–88. https://doi.org/10.2174/1570159X13666141210215655 
  1. Wu, S., Han, J., Song, F., Cho, E., Gao, X., Hunter, D. J., & Qureshi, A. A. (2015). Caffeine Intake, Coffee Consumption, and Risk of Cutaneous Malignant Melanoma. Epidemiology (Cambridge, Mass.), 26(6), 898–908. https://doi.org/10.1097/EDE.0000000000000360 
  1. Grosso, G., Micek, A., Castellano, S., Pajak, A., & Galvano, F. (2016). Coffee, tea, caffeine and risk of depression: A systematic review and dose-response meta-analysis of observational studies. Molecular nutrition & food research, 60(1), 223–234. https://doi.org/10.1002/mnfr.201500620 
  1. Temple, J. L., Bernard, C., Lipshultz, S. E., Czachor, J. D., Westphal, J. A., & Mestre, M. A. (2017). The Safety of Ingested Caffeine: A Comprehensive Review. Frontiers in psychiatry, 8, 80. https://doi.org/10.3389/fpsyt.2017.00080 
  1. van Dam, R. M., Hu, F. B., & Willett, W. C. (2020). Coffee, Caffeine, and Health. The New England journal of medicine, 383(4), 369–378. https://doi.org/10.1056/NEJMra1816604 
  1. Coffee, tea, caffeine and risk of depression: A systematic review and dose–response meta‐analysis of observational studies. Mol. Nutr. Food Res., 60: 223-234. https://doi.org/10.1002/mnfr.201500620 
  1. Godos, J., Micek, A., Marranzano, M., Salomone, F., Rio, D. D., & Ray, S. (2017). Coffee Consumption and Risk of Biliary Tract Cancers and Liver Cancer: A Dose-Response Meta-Analysis of Prospective Cohort Studies. Nutrients, 9(9), 950. https://doi.org/10.3390/nu9090950 
  1. Yu, X., Bao, Z., Zou, J., & Dong, J. (2011). Coffee consumption and risk of cancers: a meta-analysis of cohort studies. BMC cancer, 11, 96. https://doi.org/10.1186/1471-2407-11-96 
  1. Alicandro, G., Tavani, A., & La Vecchia, C. (2017). Coffee and cancer risk: a summary overview. European journal of cancer prevention : the official journal of the European Cancer Prevention Organisation (ECP), 26(5), 424–432. https://doi.org/10.1097/CEJ.0000000000000341 
  1. Ren, Y., Wang, C., Xu, J., & Wang, S. (2019). Cafestol and Kahweol: A Review on Their Bioactivities and Pharmacological Properties. International journal of molecular sciences, 20(17), 4238. https://doi.org/10.3390/ijms20174238 
ส่งข้อความถึงเรา