fbpx

แพ้ถั่ว (Nut Allergy) มาทำความรู้จักกันว่าเป็นอย่างไร

การ แพ้ถั่ว (Nut Allergy) คือโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่งพบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อโปรตีนในถั่ว ร่างกายจะการปล่อยแอนติบอดี้เพื่อกำจัดโปรตีนที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และกระตุ้นให้ร่างกายปล่อยสารฮิสตามีน(Histamine) ส่งผลให้แสดงอาการแพ้ออกมา  

ถั่ว แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ 

  1. ถั่วเมล็ดแห้ง(Bean) เช่น ถั่วเหลือง(Soy bean) ถั่วลิสง(Peanut) ถั่วลูกไก่ (Chickpeas) และถั่วเลนทิล (Lentils) 
been-EWC
  1. ถั่วเปลือกแข็ง(Legume) เช่น อัลมอนด์(Almond) เม็ดมะม่วงหิมพานต์(Cashew nut) แมคคาเดเมีย(Macadamia) เฮเซลนัท(Hazelnut) วอลนัท(Walnut) ถั่วพิสตาชิโอ(Pistachio) ถั่วพีแคน(Pecan) ถั่วฮิกคอรี (Hickory nuts) และถั่วบราซิล (Brazil Nuts) 
Nut-Ewc

สาเหตุของโรคภูมิแพ้ถั่ว 

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่แพ้ถั่ว เมื่อมีการสัมผัสถั่วไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ก็จะทำให้ร่างกายของคุณเกิดอาการแพ้ออกมาในกระแสเลือด ซึ่งโรคภูมิแพ้ถั่วเกิดขึ้นจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันเข้าใจผิดว่า “โปรตีนถั่ว” คือสิ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันของคุณจึงปล่อยสารฮิสตามีน(Histamine)ออกมาเพื่อกำจัด และส่งผลให้ร่างกายมีอาการแพ้เกิดขึ้น 

อาการแพ้ถั่วเป็นอย่างไร 

การแพ้ถั่วจะเกิดขึ้นหลังรับประทานถั่วหรืออาหารที่มีส่วนประกอบของถั่วเข้าไปภายในไม่กี่นาทีหรือไม่เกิน 1 ชั่วโมง โดยอาการแพ้ที่สามารถพบเห็นบ่อย ได้แก่ 

  • คัดจมูก น้ำมูกไหล 
  • ริมฝีปากบวม 
  • ปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน 
  • รู้สึกชาในปากหรือลำคอ และบางครั้งอาจรู้สึกแน่นในลำคอ 
  • เกิดผื่นแดงคันที่ผิวหนัง และผื่นลมพิษ 

สำหรับคนบางคนที่มีอาการแพ้ถั่วอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต หากรับประทานถั่วในปริมาณเล็กน้อยก็อาจสามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ที่รุนแรงได้ (Anaphylaxis) โดยอาจมีอาการต่าง ๆ ข้างต้นร่วมกับผิวหนังแดง หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด ลำคอบวม หัวใจเต้นเร็ว เวียนศีรษะ ความดันโลหิตลดลง และอาจหมดสติได้ 

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง 

สาเหตุส่วนใหญ่ในการเกิดภูมิแพ้ถั่ว คือการรับประทานถั่วหรืออาหารที่มีส่วนประกอบของถั่วเข้าไปนั่นเอง ในบางครั้งก็มีโอกาสเกิดอาการแพ้ หากคุณสูดหายใจเอาฝุ่น หรือละอองที่มีแป้งถั่วหรือน้ำมันถั่วสำหรับทำอาหารเข้าไป  

  • ถั่ว เนยถั่ว ถั่วลิสง ซอสถั่วเหลือง  
  • อาหารที่มีส่วนประกอบของถั่ว
  • ขนมต่าง ๆ เช่น คุกกี้ แครกเกอร์ เค้ก พาย ขนมตุ๊บตั๊บ ถั่วตัด ที่ประกอบไปด้วยถั่ว  
  • ไอศกรีม พุดดิ้ง ลูกอม และช็อกโกแลต  
  • ซีเรียล กราโนล่า และโปรตีนบาร์ 
  • อาหารที่มีถั่วเป็นส่วนผสม เช่น เมี่ยงก๋วยเตี๋ยว ผัดไท ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ มัสมั่น ส้มตำ น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ ฯลฯ  
  • เครื่องดื่มแอลกฮอล์บางชนิด เช่น วอดก้าอัลมอนด์, เหล้าเฮเซลนัท(Frangelico), เหล้าวอลนัท(Catalana Ratafia), ฯลฯ 
  • วิธีการดูข้อมูล สามารถดูข้อมูล ส่วนประกอบสำคัญ บนฉลากได้ว่า มีส่วนประกอบของถั่วหรือไม่ โดยส่วนใหญ่ มักจะเป็นคำเตือน ข้อความว่า “ข้อมูลสำหรับผู้ที่แพ้อาหาร : …”  อยู่บนฉลาก  

วิธีตรวจสอบว่าแพ้ถั่วหรือไม่? 

  1. หลังรับประทานถั่วเข้าไปควรสังเกตอาการตัวเอง และจดบันทึก (อาหารที่กิน, ช่วงเวลา และอาการ) เพื่อแจ้งให้แพทย์ทราบ 
  1. การทดสอบทางผิวหนัง (Skin Prick Test) คือ การนำน้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น เกสร เชื้อรา แมลง และอาหาร มาทำการทดสอบที่ผิวหนังของผู้ป่วยเพื่อให้ทราบว่าแพ้สารใด โดยการเลือกว่าจะทำการทดสอบสารภูมิแพ้ชนิดใด 
  1. การตรวจเลือด (Food Allergy Test) คือ การทดสอบภูมิแพ้ด้วยการเจาะเลือด โดยเจาะเลือดหาภูมิต้านทาน (IgE) ต่อสารภูมิแพ้ เช่น อาหาร นม ไข่ ถั่ว เป็นต้น 

วิธีการปฏิบัติตัวและการวางแผนการรับประทานอาหาร

  1. ไม่รับประทานถั่ว หรืออาหารที่มีถั่วเป็นส่วนประกอบ 
  1. ตรวจสอบฉลากโภชนาการให้ละเอียด  
  1. ควรระมัดระวังทุกครั้งเมื่อรับประทานอาหารนอกบ้าน และสอบถามส่วนประกอบในอาหารให้เป็นนิสัย 
  1. ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์หรือขนมในร้านที่ใช้ช้อนหรือที่คีบร่วมกัน เพราะถั่วอาจติดมากับอุปกรณ์เหล่านี้จากการตักหรือคีบอาหารอื่น 
  1. ถั่วอาจเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผิว เช่น แชมพู สบู่ และโลชั่นที่อาจมีส่วนผสมของน้ำมันสกัดจากถั่ว ก่อนใช้ควรตรวจดูส่วนประกอบบนบรรจุภัณฑ์ 
  1. พกยาแก้แพ้ติดตัวเอาไว้เสมอ เพื่อบรรเทาอาการได้ทันทีหลังมีอาการ โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ภายใน 15–30 นาที แต่กรณีที่เกิดอาการแพ้รุนแรงจำเป็นต้องฉีดยาอิพิเนฟริน(Epinephrine) โดยแพทย์อาจให้ผู้ที่แพ้ถั่วพกยาอิพิเนฟรินรูปแบบปากกาติดตัวไว้เสมอเพื่อใช้ฉีดยับยั้งอาการแพ้ในกรณีฉุกเฉิน 

สรุป 

ถั่ว คือหนึ่งในอาหารยอดฮิตที่ทำให้ร่างกายเกิดอาการแพ้ โดยแต่ละคนจะมีการแสดงอาการแพ้ที่แตกต่างออกไป อย่างไรก็ตามถั่วมีหลากหลายชนิด บางคนอาจจะแพ้เพียงชนิดเดียวหรืออาจจะแพ้หลายชนิดร่วมด้วยก็สามารถเป็นไปได้ หากสงสัยว่าแพ้ถั่ว เราจะรู้ได้จากสังเกตอาการของตัวเองหลังกินถั่วชนิดนั้นๆเข้าไป หรือจะเลือกตรวจการทดสอบทางผิวหนัง(Skin Prick Test) ไม่ก็สามารถเลือกเป็นการตรวจเลือด(Food Allergy Test)ที่โรงพยาบาล

แต่หากพบว่า แพ้ถั่ว วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ ไม่รับประทานถั่วรวมถึงอาหารที่มีถั่วแฝง และไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่มีถั่วเป็นส่วนประกอบ ซึ่งควรฝึกการอ่านฉลากให้เป็นนิสัย และต้องพกยาแก้แพ้ติดตัวเอาไว้เสมอ และแม้ว่าจะรับบประทานถั่วไม่ได้ แต่ก็สามารถเลือกรับประทานอาหารประเภทอื่นๆ  ที่ทำให้ได้รับโปรตีน หรือวิตามินบี ครบถ้วน โดยเน้นจากอาหารที่เราไม่แพ้ เช่น ไข่ ปลา หมู และเลือกรับประทานผัก ผลไม้ ให้หลากหลายก็ช่วยได้เช่นกัน  

สอบถามเพิ่มเติม Add Line ปรึกษานักกำหนดอาหาร

ดูแลสุขภาพของคุณให้ถูกวิธี

โปรแกรมปรึกษานักกำหนดอาหารคืออะไร ?

พร้อมรับคำปรึกษาจาก

นักกำหนดอาหารวิชาชีพ

ไม่พลาดบทความด้านโภชนาการ

ของ อีทเวลล์คอนเซปต์ ก่อนใคร

แหล่งอ้างอิง 

  • Ambardekar, N. (2022, September 17). Nut Allergy. Retrieved from https://www.webmd.com/allergies/nut-allergy 
  • POBPAD. (2022). การมีสุขภาพดี. Retrieved from สังเกตอาการแพ้ถั่วและวิธีรับมือก่อนเป็นอันตรายถึงชีวิต: https://www.pobpad.com/สังเกตอาการแพ้ถั่ว
  • วงษ์วิไล, พ. (2021, Febuary 08). ภูมิแพ้ถั่วลิสง (Peanut Allergy). Retrieved from ทีม Hello คุณหมอ: https://hellokhunmor.com/โรคภูมิแพ้/ภูมิแพ้อาหาร/ภูมิแพ้ถั่วลิสง/ 
ส่งข้อความถึงเรา