การถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฏอน ถือเป็นหนึ่งในห้าเสาหลักของศาสนาอิสลาม ซึ่งชาวมุสลิมจะถือศีลอดในช่วงกลางวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นับเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับชาวมุสลิม ซึ่งชาวมุสลิมบางท่านก็มีปัญหาทางสุขภาพหรือโรคประจำตัวอย่างเช่นเบาหวาน ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้ยาต่าง ๆ ในการรักษาเบาหวาน ในขณะที่อาหารที่เป็นปัจจัยสำคัญของระดับน้ำตาลในเลือดก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเวลาในการกินไปด้วย ดังนั้นพวกเรา นักกำหนดอาหารเลยอยากมาพูดถึง การดูแลตัวเองในเดือน รอมฎอน ของผู้ป่วยเบาหวาน เพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นชาวมุสลิม สามารถถือศีลอดได้อย่างปลอดภัย
การถือศีลอดในช่วงเดือน รอมฎอน
เดือนรอมฎอน จะเป็นเดือนที่ชาวมุสลิมที่ถือศีลจะหยุดรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ ไม่สูบบุหรี่ หรือแม้แต่ไม่รับประทานยา ตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ขึ้น จนถึงเวลาพระอาทิตย์ตก และหลังจากนั้นจึงจะสามารถรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ โดยปกติแล้วก็จะมีการรับประทานอาหารใรช่วงพระอาทิตย์ตก 2 มื้อ คือ มื้อเย็น และมื้อก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งชาวมุสลิมส่วนใหญ่มักจะเริ่มมื้อเย็นด้วยการรับประทาน “ผลอินทผาลัม” ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลฟรุคโตสและกลูโคสสูงมาก ก่อนการเริ่มรับประทานอาหารหลักนั่นเอง อีกทั้งยังมีการสวดตะรอเวียะฮ์ (Taraweeh) เป็นเวลาถึง 1 – 2 ชั่วโมงทำให้มีการขยับร่างกายและใช้กำลังมากในระดับนึง จึงจำเป็นทีผู้ป่วยเบาหวานที่ได้รับยาลดระดับน้ำตาลจำเป็นต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจเพื่อให้สามารถถือศีลอดได้อย่างปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ สูง หรือภาวะที่เลือดเป็นกรดจากเบาหวาน (DKA) นั่นเอง
ใครบ้างที่สามารถและไม่สามารถถือศีลอด
ในผู้ป่วยเบาหวานควรทำการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างการถือศีลอด และจากแนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ.2560 ได้แนะนำไว้ ดังนี้
1. ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงมาก หรือ ไม่ควรถือศีลอด
ถ้าหากผู้ป่วยมีอาการ 1 ข้อจากอาการเหล่านี้ ไม่ควรถือศีลอด โดยมีอาการดังนี้
- มีประวัติน้ำตาลในเลือดต่ำโดยไม่มีอาการเตือน
- มีประวัติน้ำตาลในเลือดต่ำบ่อย ๆ
- มีภาวะน้ำตาลต่ำรุนแรงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
- ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลจากการที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ต่ำ หรือแผลที่เท้าจากเบาหวาน
- ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี
- มีอายุมากและมีโรคร่วม
- การทำงานของไตเสื่อมในระยะที่ 4 5 หรือต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต
2. ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง หรือ ต้องระมัดระวังในการถือศีลอด
ถ้าหากผู้ป่วยมีอาการ 1 ข้อจากอาการเหล่านี้ ไม่ควรถือศีลอด โดยมีอาการดังนี้
- ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี
- ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี หรือ ได้รับยาฉีดอินซูลิน
- ผู้ที่ทำงานที่ใช้กำลังมาก
- การทำงานของไตเสื่อมในระยะที่ 3
- ได้รับยาที่มีผลต่อสติสัมปชัญญะ
3.ผู้ที่มีความเสี่ยงปานกลาง หรือ ต่ำ
- ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี ไม่มีอาการแทรกซ้อน และใช้การรักษาระดับน้ำตาลที่ไม่มีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
การดูแลตัวเองในเดือน รอมฎอน
- เลือกรับประทานอาหารตามปกติ โดยเลือกเป็นอาหารครบส่วน มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ
- ดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 – 10 แก้ว หรือ ประมาณ 2 ลิตร
- ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดบ่อยขึ้น
- ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเครื่องทุกครั้งหากสงสัยว่ามีน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือ มีอาการไม่สบาย
- รับคำแนะนำจากแพทย์ในเรื่องการปรับปริมาณยากิน และ ยาฉีด เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในช่วงเดือนรอมฎอน
- ยุติการถือศีลอดทันที หากมีกรณีต่อไปนี้แม้แค่ 1 กรณี ได้แก่ ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 70 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 300 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร การเจ็บป่วยที่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดหรือการขาดน้ำ
เพียงเท่านี้ผู้ป่วยเบาหวานหรือครอบครัวของผู้ป่วยก็ทราบถึงวิธี การดูแลตัวเองในเดือน รอมฎอน ของผู้ป่วยเบาหวาน ที่มีความต้องการอยากจะเข้าร่วมพิธีถือศีลอดตามหลักของศาสนา เพื่อป้องกันความเสี่ยงและอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารจากกลางวันเป็นกลางคืน และการใช้ยาที่ต่างไปจากปกติ ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานควรประเมิณความเสี่ยงของตนเองว่าสามารถถือศีลอดได้หรือไม่ คอยหมั่นตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ และรับคำแนะนำจากแพทย์ในการปรับเปลี่ยนการใช้ยารักษาระดับน้ำตาลในเลือดด้วย
แต่ถ้าหากผู้ป่วยเบาหวานท่านไหนแต่หากท่านอยากรู้ว่า จะรับประทานอาหารอย่างไร สามารถติดต่อรับคำปรึกษาจากนักกำหนดอาหารวิชาชีพของโรงพยาบาลที่ท่านรักษาอยู่ หรือ ปรึกษานักกำหนดอาหารจาก อีทเวลล์คอนเซปต์ ก็ได้นะครับ ถ้าสนใจ สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ ที่นี่
สอบถามเพิ่มเติม Add Line ปรึกษานักกำหนดอาหาร
ดูแลสุขภาพของคุณให้ถูกวิธี
โปรแกรมปรึกษานักกำหนดอาหารคืออะไร ?
พร้อมรับคำปรึกษาจาก
นักกำหนดอาหารวิชาชีพ
ไม่พลาดบทความด้านโภชนาการ
ของ อีทเวลล์คอนเซปต์ ก่อนใคร
อ้างอิง
- สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร, สมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย, กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาต. (2560). แนวทางเวชปฏิบัติสําหรับโรคเบาหวาน 2560 (พิมพ์ครั้งที่ 3). ปทุมธานี: บริษัท ร่มเย็น มีเดีย จำกัด. สืบค้นจาก https://www.dmthai.org/attachments/article/443/guideline-diabetes-care-2017.pdf
- Ibrahim, M., Davies, M. J., Ahmad, E., Annabi, F. A., Eckel, R. H., Ba-Essa, E. M., El Sayed, N. A., Hess Fischl, A., Houeiss, P., Iraqi, H., Khochtali, I., Khunti, K., Masood, S. N., Mimouni-Zerguini, S., Shera, S., Tuomilehto, J., & Umpierrez, G. E. (2020). Recommendations for management of diabetes during Ramadan: update 2020, applying the principles of the ADA/EASD consensus. BMJ open diabetes research & care, 8(1), e001248. https://doi.org/10.1136/bmjdrc-2020-001248