นาทีนี้คงไม่มีเมนูไหนร้อนแรงไปกว่า ” ไข่เจียวปู ” อีกแล้ว หลังจากเกิดประเด็นดราม่าสนั่นโซเชียล ทำให้หลายคนหันมาสนใจเมนูไข่เจียวสุดอลังการจานนี้กันยกใหญ่ ภาพไข่เจียวฟูกรอบ สีเหลืองทองอร่าม ที่อัดแน่นทะลักไปด้วยเนื้อปูก้อนขาวๆ เป็นยวง แค่เห็นภาพก็น้ำลายสอแล้ว
แต่ท่ามกลางความอร่อย ความอลังการ และราคาที่น่าตกใจ เคยสงสัยกันไหมว่า…เบื้องหลังไข่เจียวปูจานนี้ ไม่ว่าจะเป็นสูตรเจ้าดังในตำนาน หรือไข่เจียวปูทั่วไปตามร้านอาหาร มีแคลอรีซ่อนอยู่เท่าไหร่กันแน่?
ไข่เจียวปู 1 จาน กี่แคล?
พลังงานของไข่เจียวปูนั้นแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับปริมาณเนื้อปูและ “น้ำมัน” ที่ใช้ทอดเลยค่ะ
- ไข่เจียวปูทั่วไป (ตามร้านอาหาร): ใช้ไข่ไก่ 2-3 ฟอง เนื้อปูพอประมาณ ทอดในกระทะปกติ จะให้พลังงานเฉลี่ยประมาณ 500 – 700 kcal
- ไข่เจียวปูเจ้าดังในตำนาน (หรือสไตล์เนื้อปูทะลัก): ที่ใช้ไข่หลายฟอง เนื้อปูอัดแน่นเป็นก้อนโต และทอดในน้ำมันท่วมๆ จนฟูกรอบเหมือนหมอนทอง จานหนึ่งอาจให้พลังงานสูงถึง 800 – 1,200 kcal หรืออาจมากกว่านั้น (อาจเทียบเท่ากับการกินข้าวมันไก่ 2 จานเลยทีเดียว)
แคลอรีมาจากไหนบ้าง?
พลังงานมหาศาลของไข่เจียวปูมาจากส่วนประกอบหลักๆ ดังนี้
- น้ำมันสำหรับทอด: นี่คือพระเอกตัวจริง เพราะการทอดไข่เจียวให้ฟูกรอบสุดอลังการนั้น ต้องใช้น้ำมันปริมาณมากในการ “ทอดแบบน้ำมันท่วม” (Deep-fried) ซึ่งน้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะก็ให้พลังงานประมาณ 120 กิโลแคลอรีแล้ว ลองนึกภาพน้ำมันในกระทะดูสิว่าต้องใช้น้ำมันกี่ช้อนโต๊ะกันแน่
- เนื้อปู: แม้ว่าเนื้อปูจะเป็นโปรตีนที่ดีและมีไขมันต่ำ แต่เมื่อใช้ในปริมาณที่ “เยอะมาก” พลังงานรวมก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย เนื้อปู 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 90-100 กิโลแคลอรี
- ไข่ไก่: เป็นแหล่งโปรตีนสำคัญ แต่ก็มีไขมันและพลังงานเช่นกัน ไข่ไก่ 1 ฟองให้พลังงานประมาณ 70-80 kcal ไข่เจียวปูจานใหญ่อาจใช้ไข่ถึง 4-5 ฟองเลยทีเดียว แค่พลังงานเริ่มจากไข่อย่างเดียวก็จะได้ประมาณ 300 กิโลแคลอรีแล้ว
- เครื่องปรุงรส: ซอสปรุงรสต่างๆ ก็ต้องบวกพลังงานและโซเดียมเพิ่มเข้าไปอีกเล็กน้อย
ทำไมแคลอรีถึงพุ่งสูงขนาดนั้น?
- วิธีการทอด: หัวใจสำคัญที่ทำให้ไข่เจียวปูจานพิเศษมีแคลอรีสูงลิ่ว คือ “การทอดในน้ำมันปริมาณมาก” ซึ่งทำให้ไข่อมน้ำมันไว้เยอะกว่าการเจียวในกระทะเทฟลอนธรรมดา
- ปริมาณวัตถุดิบ: ความ “อลังการ” ของเนื้อปูและจำนวนไข่ที่ใช้ คือการบวกพลังงานเข้าไปตรงๆ ยิ่งเยอะ แคลอรียิ่งสูง
- ขนาดที่ใหญ่: ไข่เจียวปูจานดังมักมีขนาดใหญ่กว่าไข่เจียวปกติมาก เหมาะสำหรับการแบ่งกันกินหลายคนมากกว่ากินคนเดียว
ทริคกินไข่เจียวปูอย่างสบายใจ
- หารกันหลายๆ คน: ไข่เจียวปูจานยักษ์ถูกออกแบบมาเพื่อการแบ่งปันความอร่อย การแชร์กันกินหลายๆ คน คือวิธีที่ดีที่สุด
- ทำเองที่บ้าน: เราสามารถทำไข่เจียวปูเวอร์ชันเฮลตี้ได้ โดยใช้กระทะเทฟลอน ใส่น้ำมันเล็กน้อย เพียงเท่านี้แคลก็ไม่พุ่งแล้ว
- เลือกกิน ไม่ใช่เลือกอด: ถ้าอยากลองจริงๆ ก็จัดไปเลย ให้ถือเป็นมื้อพิเศษ แล้วไปปรับสมดุลในมื้ออื่นๆ ของวันแทน
- กินคู่กับผัก: สั่งผัดผัก กินคู่กับผักสด หรือผักน้ำพริก จะช่วยเพิ่มใยอาหาร ทำให้อิ่มเร็วขึ้น และช่วยให้มื้ออาหารสมดุลมากขึ้น
คนมีโรคประจำตัว กินไข่เจียวปูต้องระวังอะไร?
- โรคเบาหวาน แม้ไข่เจียวปูจะไม่มีน้ำตาลและมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่ไขมันที่สูงมากจากน้ำมันที่ใช้ทอดอาจส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงค้างนานได้ ดังนั้นควรกินในปริมาณน้อยและลดข้าวลงครึ่งหนึ่ง และเพิ่มการกินผักเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ดียิ่งขึ้น
- ควบคุมน้ำหนัก เป็นเมนูพลังงานสูงปรี๊ด ควรเก็บไว้เป็นมื้อพิเศษ หรือวันที่ตั้งใจจะให้รางวัลตัวเองจริงๆ
- ไขมันในเลือดสูง ต้องระวังเป็นพิเศษ และแนะนำให้หลีกเลี่ยง แต่ถ้าอยากกินจริงๆ ลองปรับเป็นเวอร์ชันที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นได้ เช่น ทำกินเองที่บ้าน โดยใช้ไข่เพียง 1-2 ฟอง ทอดในกระทะเทฟลอนที่ใช้น้ำมันน้อย และที่สำคัญกินคู่กับผักเพื่อเพิ่มไฟเบอร์ และงดการกินอาหารไขมันสูงในมื้ออื่นๆ
- ความดันโลหิตสูง เลือกเครื่องปรุงโซเดียมต่ำหรือปรุงน้อย เลี่ยงการราดซอสต่างๆเพิ่ม และกินคู่กับผักเพื่อเพิ่มไฟเบอร์
- โรคไต แนะนำเลือกเครื่องปรุงโซเดียมต่ำ จำกัดปริมาณเนื้อปูและไข่ตามระยะของโรค และอาจต้องเลือกใช้ไข่ขาวเพื่อควบคุมฟอสฟอรัส
- กรดไหลย้อน เมนูนี้มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะไขมันจากการทอดน้ำมันท่วมจะกระตุ้นให้กรดไหลย้อนกำเริบได้ง่าย หากอยากกินจริงๆ แนะนำให้ใช้กระทะเทฟลอนกับน้ำมันน้อย และไม่ควรกินมื้อดึกหรือกินแล้วนอนทันที
สุดท้ายแล้ว “คุณค่า” ของอาหารไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขแคลอรีหรือราคาเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะกับเมนูที่เป็นเหมือนมื้อพิเศษอย่างไข่เจียวปู แต่มันคือทั้งเรื่องราว, ฝีมือ, คุณภาพของวัตถุดิบ และ “ประสบการณ์” ความอร่อยที่เราได้รับ
ไม่ว่าจะเป็นไข่เจียวปูสูตรเด็ดที่ทำกินเองที่บ้าน หรือไข่เจียวปูจานพิเศษจากร้านดัง ทุกจานล้วนมีคุณค่าในตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือการกินอย่างมีสติ รู้จักเลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง และมีความสุขกับอาหารตรงหน้า เพราะการได้กินของอร่อย ก็คือหนึ่งในความสุขที่คุ้มค่าของชีวิตเรา
ส่วนใครที่มีโรคประจำตัวหรืออยากลดน้ำหนัก แล้วสงสัยว่ากินอันนี้ได้ไหม หรืออาหารอื่นๆกินอะไรดี ประมาณเท่าไรให้เหมาะสมกับโรคและตัวเอง สามารถปรึกษานักกำหนดอาหารวิชาชีพกับEatwellconcept ได้ค่ะ
สอบถามเพิ่มเติม Add Line ปรึกษานักกำหนดอาหาร
ดูแลสุขภาพของคุณให้ถูกวิธี
โปรแกรมปรึกษานักกำหนดอาหารคืออะไร ?
พร้อมรับคำปรึกษาจาก
นักกำหนดอาหารวิชาชีพ
ไม่พลาดบทความด้านโภชนาการ
ของ อีทเวลล์คอนเซปต์ ก่อนใคร
แหล่งอ้างอิง
- Institute of Nutrition Mahidol University. Program INMUCAL Version 4.0
