fbpx

อาหารเฉพาะโรค วิธีเลือกกินอาหารเมื่อมีโรคประจำตัว

เมื่อผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไต ไขมันสูง ต้องมานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล “อาหารเฉพาะโรค” มักเป็นอาหารเฉพาะที่ถูกจัดเสิร์ฟให้แก่ผู้ป่วยเสมอ … สงสัยหรือไม่ว่า อาหารที่ว่านี้คืออะไร หน้าตาเป็นแบบไหน แตกต่างจากอาหารทั่วๆ ไปอย่างไร ทำไมจึงสำคัญและกลายเป็นส่วนหนึ่งในวิธีการรักษาผู้ป่วย     

อาหารเฉพาะโรค คืออะไร?

อาหารเฉพาะโรค (Therapeutic Diet) หมายถึง อาหารที่ได้รับการดัดแปลงส่วนประกอบ เช่น ปริมาณสารอาหาร เนื้อสัมผัส หรือวัตถุดิบ ให้เหมาะสมและเฉพาะเจาะจงกับตัวผู้ป่วยทั้งในแง่ของภาวะร่างกาย ความเจ็บป่วย และความรุนแรงของโรค  โดยช่วยชะลอความรุนแรงของโรค รักษาอาการเจ็บป่วย และส่งเสริมให้การรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ เช่น ผู้ป่วยเบาหวานก็จะได้รับอาหารเฉพาะโรคที่ถูกดัดแปลงมาให้เหมาะสำหรับโรคเบาหวาน เป็นต้น

โรคนี้ กินอะไร ใครเป็นคนตัดสิน?

               เมื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาในโรงพยาบาลและมีความจำเป็นต้องได้รับอาหารเฉพาะโรค แพทย์มักจะเป็นผู้ประเมินอาการและกำหนดลักษณะอาหารที่เหมาะสมกับผู้ป่วย เช่น พลังงานรวมที่ควรได้รับ สารอาหารหรือชนิดอาหารที่มีการกำจัดปริมาณ เช่น จำกัดเกลือ 1 กรัม จำกัดโปรตีน 1.2 กรัมต่อน้ำหนักตัว เป็นต้น จากนั้นนักกำหนดอาหารจึงนำใบคำสั่งแพทย์มาคำนวณต่อเป็นปริมาณวัตถุดิบ แล้วทำการดัดแปลงหรือออกแบบมื้ออาหารให้เหมาะสมกับที่ผู้ป่วยควรได้รับ หากผู้ป่วยกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เมนูอาหารนี้ก็จะถูกส่งต่อไปยังฝ่ายครัวของโรงพยาบาล เพื่อให้พ่อครัวแม่ครัวสามารถปรุงอาหารส่งขึ้นไปให้ผู้ป่วยต่อไป

กรณีผู้ป่วยต้องกลับบ้าน นักกำหนดอาหารก็จะเป็นผู้แนะนำผู้ป่วย (หรือญาติ) ถึงวิธีการดัดแปลงอาหารและปริมาณให้เป็นไปตามหลักอาหารเฉพาะโรค โดยมักจะมีสื่อการสอน เช่น รายการอาหารแลกเปลี่ยน ภาชนะ หรืออุปกรณ์ชั่วตวงวัดมาใช้ประกอบการสอน ยิ่งไปกว่านั้น บางโรงพยาบาลอาจมีระบบติดตามที่ทำให้นักกำหนดอาหารสามารถติดต่อและช่วยเหลือด้านการบริโภคอาหารของผู้ป่วยที่บ้านได้ เพื่อให้ผู้ป่วยยังคงได้รับอาหารที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายอยู่แม้จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว

อาหารเฉพาะโรค หน้าตาเป็นอย่างไร กินง่ายรึเปล่า?

แม้ได้ชื่อว่าเป็นอาหารเพื่อผู้ป่วย แต่ความจริงแล้ว อาหารเฉพาะโรคก็ไม่ได้ผิดแปลกหรือหน้าตาประหลาดไปกว่าอาหารของคนทั่วไป เพราะเป็นเมนูอาหารธรรมดาที่ได้รับการคำนวณ จัดสรร และวางแผนปรับเปลี่ยนวัตถุดิบไปให้เหมาะสมกับร่างกายผู้ป่วยเท่านั้น การดัดแปลงที่ว่านี้ก็มีตั้งแต่การลดเกลือ ลดน้ำตาล เพิ่มผัก ลดเนื้อสัตว์ เปลี่ยนชนิดข้าว จนไปถึงการเปลี่ยนวิธีการปรุง อาหารเฉพาะโรคจึงมีหน้าตาคล้ายกับอาหารทั่วไป แต่ต่างไปบ้างที่รสชาติหรือส่วนประกอบบางอย่าง เช่น มีรสจืดกว่าปกติ หรือมีเนื้อสัตว์น้อยกว่าปกติ เป็นต้น

ที่มา : www.rawpixel.com/

อาหารเฉพาะโรคที่พบบ่อย มีอะไรบ้าง?

สำหรับภาวะการเจ็บป่วยที่มักจะใช้อาหารเฉพาะโรคเข้ามาช่วยในกระบวนการรักษา ก็คงจะหนีไม่พ้นโรคยอดฮิตที่เกี่ยวข้องกับอาหารอย่าง โรคเบาหวาน โรคไต โรคเก๊าท์ นั่นเอง ซึ่งลักษณะเด่นของอาหารเฉพาะโรคในแต่ละโรคมีดังนี้

โรคเบาหวาน – อาหารเฉพาะโรคของผู้ป่วยเบาหวาน เน้นที่การควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรตในมื้ออาหาร เช่น ลดปริมาณน้ำตาล ลดข้าวแป้ง จำกัดผลไม้หวานจัด เพิ่มธัญชาติไม่ขัดสีและอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและชะลอความรุนแรงของโรคได้ (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาหารสำหรับโรคเบาหวาน)

โรคไต –  ผู้ป่วยโรคไตแต่ละระยะมักมีข้อจัดในการได้รับสารอาหารที่แตกต่างกัน รวมไปถึงผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกไต ล้างไต เปลี่ยนไตก็มีข้อจำกัดด้านอาหารต่างออกไปอีก แต่สารอาหารหลักๆ ที่ต้องมีการจำกัดหรือมีการดัดแปลงในผู้ป่วยโรคนี้ ก็ได้แก่ ปริมาณโปรตีน ปริมาณน้ำ รวมไปถึงแร่ธาตุอย่างโซเดียม ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาหารสำหรับโรคไต)

โรคเก๊าท์ – หลายคนอาจจะคิดว่าผู้ป่วยโรคเก๊าท์แค่ต้องห้ามกินไก่ แต่ความจริงแล้วอาหารที่ต้องมีการระมัดระวังในผู้ป่วยโรคเก๊าท์มีมากกว่านั้น โดยต้องจำกัดอาหารที่มีสารพิวรีนสูงหรืออาหารที่เสี่ยงต่อการทำให้อาการกำเริบอื่นๆ ด้วย เช่น เครื่องในสัตว์ เครื่องดื่มรสหวาน เหล้า เบียร์ เป็นต้น (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาหารสำหรับโรคเก๊าท์)

โรคหัวใจและหลอดเลือด – แม้ดูเผินๆ เหมือนจะไม่เกี่ยวกับอาหาร แต่อาหารที่รับประทานนั้นส่งผลโดยตรงกับระดับไขมันในเลือดและความดันโลหิต จึงส่งผลต่อไปยังโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ ผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงต้องมีการกำจัดอาหารด้วยเช่นกัน โดยเน้นไปที่การจำกัดปริมาณไขมันและโซเดียมในอาหาร และเพิ่มปริมาณผักผลไม้

         นอกเหนือจากโรคที่ได้กล่าวไปแล้วก็ยังมีอาหารเฉพาะโรคอื่นๆ อีก เช่น โรคมะเร็ง ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน จนไปถึงผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด หรือภายหลังการผ่าตัด ซึ่งใครที่สนใจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารเฉพาะโรค ก็สามารถปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโภชนาการหรือนักกำหนดอาหารได้ ส่วนใครที่กำลังรับประทานอาหารเฉพาะโรคตามคำสั่งแพทย์อยู่ หากมีคำถามหรือข้อสงสัยก็สามารถปรึกษานักกำหนดอาหารได้เช่นกัน โดยควรเลือกปรึกษาจากนักกำหนดอาหารที่มีใบประกอบโรคศิลปะหรือใบรับรองนักกำหนดอาหารวิชาชีพเท่านั้น

สอบถามเพิ่มเติม Add Line ปรึกษานักกำหนดอาหาร

ดูแลสุขภาพของคุณให้ถูกวิธี

โปรแกรมปรึกษานักกำหนดอาหารคืออะไร ?

พร้อมรับคำปรึกษาจาก

นักกำหนดอาหารวิชาชีพ

ไม่พลาดบทความด้านโภชนาการ

ของ อีทเวลล์คอนเซปต์ ก่อนใคร

แหล่งอ้างอิง :

  1. Department of Social Services (n.d.). Types of Therapeutic Diets. Retrieved from  https://www.cdss.ca.gov/agedblinddisabled/res/VPTC2/9%20Food%20Nutrition%20and%20Preparation/Types_of_Therapeutic_Diets.pdf
  2. แผนกโภชนาการ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ (2564).อาหารแลกเปลี่ยนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน. สืบค้นจาก  https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/food-exchange
  3. ยุพา ชาญวิกรัย (2555).โภชนบำบัดสำหรับโรคไตเรื้อรังก่อนล้างไต. สืบค้นจาก http://www.rtamedj.pmk.ac.th/files/65-1-9.pdf
  4. โรงพยาบาลกรุงเทพ หาดใหญ่ (ม.ป.ป.).คำแนะนำ เรื่องอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด.สืบค้นจาก https://bangkokhatyai.com/knowledge/view/492
  5. โรงพยาบาลรามคำแหง (2017). อาหารสำหรับโรคเกาต์. สืบค้นจาก https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/285
  6. สุกัญญา บุญมี (ม.ป.ป.). อาหารเฉพาะโรค.สืบค้นจาก http://www.lpch.go.th/lpch/uploads/20190502093024457197.pdf
ส่งข้อความถึงเรา