กิน อาหารเสริมภูมิคุ้มกัน อย่างไรดี

ทุกวันนี้โรคติดต่อใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างมากมาย บวกกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ฝุ่นมลภาวะต่างๆ ที่รบกวนการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลให้ร่างกายของเราเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง การเติมอาหารที่มีประโยชน์ที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้กับเชื้อโรคและ มลภาวะภายนอกเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราแข็งแรง โดยทุกวันนี้อาหารที่เราสามารถกินได้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว เราก็สามารถเลือกกินให้ได้สารอาหารที่ดี และมีประโยชน์ โดยไม่ต้องไปกินอาหารเสริม หรือยาต่างๆ เลย  วันนี้อีทเวลล์คอนเซปต์จะขอแนะนำตัวอย่าง อาหารเสริมภูมิคุ้มกัน ให้กับร่างกายของเราว่ามีอะไรบ้าง

ระบบภูมิคุ้มกัน คืออะไร ?

เป็นระบบสำคัญระบบหนึ่งของร่างกาย โดยการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันจะเกิดเมื่อตัวเราได้รับสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายเข้ามาในร่างกายแล้วระบบจะทำหน้าที่คอยปกป้องและกำจัดเชื้อโรคเพื่อไม่ให้ร่างกายเราป่วย  หรือลดความรุนแรงของอาการเจ็บป่วยนั้นๆ ถ้าลองสังเกตกันดู จะพบว่า แม้ว่าจะเป็นคนที่ป่วยด้วยโรคเดียวกัน แต่ความรุนแรงของโรคของแต่ละคนก็ย่อมแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ประเภทเชื้อโรค การดูแลรักษา รวมไปถึงพื้นฐานร่างกายว่าแข็งแรงและมีภูมิคุ้มกันที่ดีหรือไม่นั่นเอง

1.โปรตีนและสังกะสีจากเนื้อสัตว์ต่างๆ  

สารอาหารสำคัญพื้นฐานที่ร่างกายต้องการ ซึ่งพบได้ในเนื้อสัตว์ทั่วไป เช่น หมู ไก่ ไข่ ปลา เนื้อวัว นอกจากนี้  สังกะสีเป็นส่วนสำคัญในการสร้างโปรตีนซึ่งเป็นส่วนสำคัญสารภูมิคุ้มกัน พวก เม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆ  

นอกจากนี้โปรตีนยังมีประโยชน์มีดีต่อร่างกายอื่นๆ อีกด้วยโดยสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่

2.สารต้านอนุมูลอิสระจากอาหารกลุ่มพืชผักผลไม้  

ผักและผลไม้หลากสีนับว่าเป็นเหล่งของวิตามิน แร่ธาต และสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานเป็นปกติ ยกตัวอย่างเช่น  

วิตามินซี พบมากในผักและผลไม้ ฝรั่ง พริกหวาน สตอรว์เบอร์รี่ กีวี่ มะขามป้อม   

เบต้า-แคโรทีน พบมากในผักและผลไม้ สีส้มและสีเขียวเข้ม คะน้า ผักบุ้ง แครอท ฟักทอง มะม่วงสุก มะละกอสุก แคนตาลูป 

ไลโคปีน พบมากในผักและผลไม้ สีแดง มะเขือเทศ แตงโม ฝรั่งสีชมพู เกรปฟรุตสีชมพู

เคอร์ซิติน พบมากในเฉพาะพืช หัวหอม หอมแดง พืชตระกูลถั่ว 

กรดเอลลาจิก พบมากในผลไม้ ตระกูลเบอร์รี่ องุ่น ทับทิม ฝรั่ง 

แอนโทไซยานิน พบในผักและผลไม้ สีม่วง กะหล่ำปลีม่วง มะเขือม่วง ตระกูลเบอร์รี่ องุ่น ทับทิม 

การรับประทานผักผลไม้ รวมกันให้ได้อย่างน้อย 400 กรัม ต่อวัน นั้นเป็นปริมาณที่เหมาะสมที่ทำให้ร่างกายได้รับคุณค่าทางสารอาหารต่างๆ ในปริมาณที่เหมาะสมครบถ้วนต่อร่างกายนั่นเอง  

3.โพรไบโอติกส์ และพรีไบโอติกส์  

พบได้ในนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตที่มีพรีไบโอติกส์โดยโพรไบโอติกส์จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้และระบบทางเดินอาหารให้มีความสมดุลมากขึ้น  ยกตัวอย่างเช่น  แล็คโตบาซิลลัส เป็นโพรไบโอติกส์ที่ช่วยลดปัญหาการติดเชื้อช่องคลอดได้   สำหรับพรีไบโอติกส์ คือใยอาหารที่เป็นอาหารของโพรไบโอติกส์นั่นเอง เช่น FOS (Fructo-oligosaccharide)  , GOS (Galacto-oligosaccharide) เป็นต้น   

นอกจาก โพรไบโอติกส์ และพรีไบโอตจิกส์แล้ว นม และโยเกิร์ต ยังมีโปรตีนโดยเฉพาะโยเกิร์ตที่มีโปรตีนสูง  (1 ถ้วย มีโปรตีนประมาณ 8 กรัม เทียบเท่ากับโปรตีนในไข่ไก่ 1 ฟอง) ที่เป็นส่วนประกอบช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย แต่อาจจะต้องระวังปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตด้วย ไม่เช่นนนั้น หากเรากินมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ในอีกทางหนึ่ง ดังนั้นควรเลือกนมเปรี้ยวน้ำตาลน้อย และโยเกิร์ตรสธรรมชาติทดแทนจะดีกว่า  

แนวทางการเลือกกิน อาหารเสริมภูมิคุ้มกัน สามารถทำได้ง่ายโดยการลองเสริมเพิ่มเติมในอาหารที่กินอยุ่ทุกวัน หรือการปรับเปลี่ยนอาหารการกิน มาเป็นอาหารชนิดใหม่ที่ให้ประโยชน์มากกว่า เช่น จากเดิมหลังกินข้าวกลางวัน หากใครมักมองเลือกดื่มน้ำอร่อย (ชาหวาน ชานมไข่มุก น้ำหวานต่างๆ) หากลองปรับมาเป็นของว่างอร่อยและมีประโยชน์ เช่น พาร์เฟ่ต์โยเกิร์ตผลไม้ ก็ได้ทั้ง โปรตีน สารต้านอนุมูลอิสระ พรีไบโอติกส์ และโพรไบโอติกส์แล้ว  

การปรับเปลี่ยนง่ายๆ ที่มีประโยชน์แตกต่างกันออกไป ตอนนี้อยู่ที่เราแล้วล่ะว่าจะเลือกกินแบบไหนกัน เพื่อช่วยระบบต่างๆของร่างกายให้ทำงานปกติ และมีสุขภาพแข็งแรงนั่นเอง

ส่วนใครอยากรู้ว่า วิตามินซีและสังกะสี ช่วยโควิด ได้จริงหรือไม่ ? สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ 

สอบถามเพิ่มเติม Add Line ปรึกษานักกำหนดอาหาร

ดูแลสุขภาพของคุณให้ถูกวิธี

โปรแกรมปรึกษานักกำหนดอาหารคืออะไร ?

พร้อมรับคำปรึกษาจาก

นักกำหนดอาหารวิชาชีพ

ไม่พลาดบทความด้านโภชนาการ

ของ อีทเวลล์คอนเซปต์ ก่อนใคร